แคคตัส ไม้ทรงเสน่ห์ ปลูกเป็น ทำเงิน รายได้งาม
ตั้งแต่โควิดมาผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจการปลูกต้นไม้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้อวบน้ำอย่าง “แคคตัส” ซึ่งกลุ่มผู้สนใจมีทุกเพศ ทุกวัยจริง ๆ ค่ะ สังเกตได้จากเมื่อสองเดือนก่อน ได้มีการจัดงาน Cactus & Succulent Fair ที่ห้างแห่งหนึ่ง คนเยอะมาก หางแถวเกือบทะลุลานจอดรถ เพราะความบูมแบบนี้ บางคนจึงนำงานอดิเรก ความชอบ มาเปลี่ยนเป็นรายได้ แต่หลายคนยังเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และยังมองภาพไม่ออกว่า แคคตัสทำเงินได้อย่างไร เราจะพาไปเจาะลึกกันค่ะ
มือใหม่หัดปลูก
แค่มีใจรักที่จะปลุกอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ต้นไม้เติบโตสวยงามได้ เพราะหากคุณไม่รู้ถึงธรรมชาติของต้ยไม้แต่ละต้น ก็จะทำให้คุณดูแลเขาได้ไม่ตรงจุด เหมือนอย่างแคคตัสเอง แม้ว่าแคคตัสจะเป็นต้นไม้ทนแล้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกชนิดจะไม่ชอบน้ำ แน่นอนว่าเกิดเราไม่รู้ว่าสายพันธุ์ที่เราเลี้ยงจริง ๆ แล้วชอบน้ำเยอะ แต่เราแทบจะไม่รดน้ำเขาเลย ตายสิคะ ดังนั้น สิ่งที่มือใหม่หัดปลูกแคคตัสควรรู้ มีดดังนี้
1. ก่อนที่คุณจะปลูกแคคตัส อย่าลืมที่จะศึกษาธรรมชาติของแต่ละสายพันธุ์ ว่าเขาชอบ ไม่ชอบอะไร กลางวันและกลางคืนควรดูแลอย่างไร
2. ในประเทศไทยมีสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Mammillaria, Astrophytum asterias และ Gymnocalycium mihanovichii
3. หัวใจของการปลูกแคคตัส คือการผสมเครื่องปลูกเพราะแคคตัสเป็นต้นไม้ที่ต้องการการระบายน้ำที่ดี ไม่มีน้ำขังจนดินแฉะ และไม่ควรกักเก็บความชื้นไว้นาน
4.ช่วงแรกของการปลูกไม่ควรรดน้ำทันที ควรเว้นระยะสัก 2 – 3 วัน เพื่อป้องกันการเน่า และการให้น้ำโดยทั่วไป 2-3 ครั้ง/ สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของโรงเรือนด้วย หลัก ๆ ให้สังเกตที่ดิน ถ้าหากดินเริ่มแห้ง 2 – 3 วันค่อยรดที
5. แสงแดดเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการปลูกแคคตัส หลังการปลูก ไม่ควรนำแคคตัสไปรับแสงแดดจัด แต่ควรนำไปจัดวางในที่ที่มีแดดรำไรก่อน เมื่อส่วนยอดของต้นเริ่มเติบโต จึงค่อยเพิ่มปริมาณการรับแดให้มากขึ้น ระยะเวลาในการรับแสงที่เหมาะสม อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
6. สิ่งสำคัญที่พากันตกม้าตาย สร้างปัญหาให้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ นั่นคือ โรคที่อาจเกิดขึ้นกับต้นแคคตัสและแมลงต่าง ๆ เช่น ราสนิม เพลี้ยแป้ง ไรแดง หากเจอควรรีบไปซื้อยาเพื่อป้องกันไม่ให้ลำต้นถูกทำลายจนเกินเยียวยา
การบริหารจัดการให้คืนทุนได้ไว
พอเราปลูกเป็นแล้ว สเต็ปต่อไปคือเรื่องของการขาย แนะนำว่าให้ไปอย่างช้า ๆ ลองผิดลองถูก แล้วเราจะจับทางได้เอง แต่ขอแนะนำการบริหารจัดการอย่างง่าย ๆ ให้คืนทุนได้ไว ดังนี้
1. ต้องมีวินัยในการใช้เงินซื้อต้นไม้ อย่าซื้อจนเงินจม
2. เลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุที่ราคาไม่สูงจนเกินไป
3. เรียนรู้ที่จะขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งเพาะเมล็ด ผสมเกสร ปักยอด แยกกอ หรือนำแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันจนเกิดเป็นความหลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่า
4.เข้าใจธรรมชาติของมัน ในการปลูกเลี้ยงจึงควรถนอมให้พ่อแม่พันธุ์ใช้งานได้นาน ๆ
5. หาตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างทั่วถึง
6. ถามตัวเองว่าเป้าหมายในการขายคืออะไร บางคนอยากสบายก็เล่นต้นแพง ลงทุนตัดใจซื้อพันธุ์ดี ๆ ที่คนไม่ค่อยทำ นำมาขยายต่อ ซึ่งต้องแลกมากับต้นทุนที่สูง หรืออยากรวย ก็ซื้อพันธุ์ธรรมดา เน้นซื้อง่าย ขายคล่อง ขายได้เรื่อย ๆ
7. การซื้อขายเมล็ดเป็นอีกสิ่งที่กำลังได้รับนิยม ถ้าอยากคืนทุน การขายเมล็ดเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง พันธุ์ธรรมดาตกเมล็ดละ 1 บาท เราหาเมล็ดได้จากการผสมเกสร แล้วจะได้เป็นฝักออกมาค่ะ ใน 1 ฝักมีหลายร้อยเมล็ด และแต่ละต้นมีประมาณ 7 – 8 ฝัก นั่นแปลว่า ถ้าคิดจะขายเมล็ดอย่างจริงจัง ไม่ยากที่จะคืนทุนได้ไว
8. หากใครไม่อยากขายเมล็ด ก็นำไปเพาะต่อและเลี้ยงให้โตเพื่อนำไปขาย หรือหากใครโชคดีหน่อย อาจจะได้มูลค่าเพิ่มจากการกลายพันธุ์ของเมล็ด
แค่เริ่มต้นจากความชอบก็สามารถเปลี่ยนเป็นรายได้เดือนละหลายพัน แต่สิ่งสำคัญคือวินัยในการจัดการและการศึกษาธรรมชาติของแคคตัส หากใครมีความชอบเป็นทุนเดิมแล้ว เริ่มลงมือทำกันได้เลย