การผลิตน้ำดื่มเป็นกระบวนการที่ผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้น้ำดื่มที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับการบริโภค นี่คือขั้นตอนหลักๆ ในการผลิตน้ำดื่ม:

1. การเก็บรวบรวมน้ำดิบและการกรอง

• เลือกแหล่งน้ำ: การเลือกแหล่งน้ำที่มีคุณภาพสูงและปราศจากสารมลพิษ เช่น น้ำบาดาล แม่น้ำ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีคุณภาพดีเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำดื่ม
• กระบวนการกรองและทำสะอาด: การใช้กระบวนการกรองที่หลากหลาย เช่น กรองด้วยทราย, กรองผ่านคาร์บอน, หรือการใช้โอโซนหรือแสง UV เพื่อลดจำนวนและกำจัดเชื้อโรคและสารมลพิษ

2. กระบวนการทำคุณภาพ

• Reverse Osmosis (RO): กระบวนการที่ใช้แรงดันในการผ่านน้ำผ่านเมมเบรนแบรนที่มีรูขนาดเล็กเพื่อกรองสิ่งสกปรกและสารตกค้าง
• Ultrafiltration (UF): กระบวนการกรองที่ใช้หัวกรองที่มีรูขนาดใกล้เคียงกันแต่กรองสิ่งสกปรกขนาดเล็กกว่า
• Ozonation: การใช้โอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคและลดกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ในน้ำดื่ม

3. การตรวจสอบและการรักษาคุณภาพ

• การตรวจสอบคุณภาพ: การทดสอบน้ำเพื่อตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบสารต่างๆ เช่น ธาตุเลขศาสตร์, เชื้อโรค, และความสะอาด
• การรักษาคุณภาพ: การเก็บรักษาน้ำดื่มให้คงความสดชื่นและคุณภาพที่ดีโดยใช้การเก็บรักษาที่เหมาะสมและการบรรจุที่มีความสะอาด

4. การบรรจุและจัดจำหน่าย

• การบรรจุ: น้ำดื่มที่ผ่านการกรองและตรวจสอบคุณภาพจะถูกบรรจุใส่บรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสม เช่น ขวดพลาสติกหรือขวดแก้ว
• การจัดจำหน่าย: น้ำดื่มที่ผ่านการผลิตและตรวจสอบคุณภาพจะถูกจัดจำหน่ายให้ถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางการกระจายที่เหมาะสม เช่น ร้านค้า, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, หรือการจัดส่งผ่านระบบทางอินเตอร์เน็ต

กระบวนการผลิตน้ำดื่มนั้นค่อนข้างซับซ้อนและต้องผ่านขั้นตอนมากมายเพื่อให้ได้น้ำดื่มที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับการบริโภค

ทราบกันดีว่าปัจจุบันAI(ปัญญาประดิษฐ์) ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น บางอาชีพก็ล้มหายตายจากเพราะAIได้เข้ามาทดแทนแถมยังทำงานได้ดีกว่าไปเรียบร้อยแล้ว   ซึ่งปัจจุบันได้มีหลายบริษัททั่วโลกแข่งกันพัฒนาAIเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น  เพราะยังไงมนุษย์เราคงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีชีวิตร่วมกับAIในอนาคตอย่างแน่นอน วันนี้เรามีไอเดียหาเงินในยุคที่AIครองโลก วันนี้มาดูกันดีกว่าว่ามีธุรกิจน่าสนใจบ้าง

10 ไอเดียสร้างธุรกิจเงินล้านในยุค AI ครองโลก มาดูกันว่ามีอาชีพอะไรบ้าง

1.ซื้ออสังหาปล่อยเช่า/ขาย

อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างสูงมาก ต้องรู้จักวางแผนทั้งเรื่องการออกแบบ ทำการตลาด ดูทำเล ตลอดจนวิเคราะห์สถานที่ แลยังมีการจัดการเอกสารที่ยุ่งยากหลายขั้นตอนซึ่งรับรองเลยว่าไม่มีAIตัวไหนบนโลกมาแข่งหรือแย่งงานกับคุณได้แน่นอน

2.ขายหนังสือDigital E-book
เป็นอาชีพที่สุดแนวที่น่าจับตามองในยุคนี้  เพราะปัจจุบันค่านิยมในการอ่านหนังสือของคนเริ่มเปลี่ยนไป ทำให้การอ่านหนังสือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊กได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไลฟ์สไตล์ติดเทคโนโลยี ข้อดีของE-Book คือราคาถูก สวยงาม มีลูกเล่น ไม่สิ้นเปลืองพื้นที่จัดเก็บอีกด้วย

3.ทำคอนเท้นต์ขายบน Youtube/Tiktok

การทำคอนเท้นต์เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทุกช่วงอายุ เพราะปัจจุบันผู้คนนิยมหันมาเสพคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Youtube ,Tiktok, Facebook ยิ่งคอนเทนต์เกิดไวรัลหรือได้รับความนิยมขึ้นมา คุณก็จะกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนสามารถสร้างเงินจาก การขายสินค้า รีวิว หรือ แม้แต่ขายโฆษณา ในช่องของคุณ บางคนรวยจับเงินล้านถึงขั้นเป็นเศรษฐีกันทีเดียว

4.จำหน่ายวัตถุมงคล/พระเครื่อง/สินค้าสายมู
ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงมาก ทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพแพงจนทำให้มนุษย์เครียดต้องการที่พึ่งทางใจ ทำให้หลายคนเลือกที่จะหาซื้อสินค้าสายมู/พระเครื่องมาเก็บไว้ติดตัวเพื่อความสบายใจ เพราะเชื่อกันว่าหากได้ครอบครองอะไรแบบนี้ก็จะทำให้ชีวิตร่ำรวยมั่งคั่งอีกด้วย

5.ให้เช่าแบตเตอรี่โทรศัพท์พกพา
รู้หรือไม่ว่าธุรกิจให้เช่าแบตเตอรี่โทรศัพท์ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะด้วยความสามารถของอุปกรณ์และเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันสามารถทำให้เข้าถึงสื่อเป็นเรื่องง่าย ปัจจุบันสมาร์ทโฟนนับว่าเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ทำงานได้หลายอย่างแทบจะเทียบเท่าคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้ ทำให้บางครั้งเราอาจจะเจอปัญหาสมาร์ทโฟนแบตเตอรี่หมดในช่วงเวลาสำคัญ จึงทำให้ธุรกิจเช่าแบตเตอรี่โทรศัพท์พกพาเข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น

6.ขายคอร์สเรียนออนไลน์

ปัจจุบันผู้คนสนใจพัฒนาทักษะสร้างอาชีพกันเยอะขึ้น แต่หลีกเลี่ยงที่จะไปนั่งเรียนในสถานที่คนแออัดเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรค ทำให้คอร์สเรียนออนไลน์เป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่เพราะนอกจากจะเรียนได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ยังสามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้บนโลกนี้

7.ขายภาพบนโลกออนไลน์ Stock Photo
รู้หรือไม่ว่าการผลิตคอนเทนต์ ที่ได้รับความนิยม ในกลุ่มคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องใช้ภาพหรือวิดีโอประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งผู้ผลิตคอนเทนต์ก็ไม่สามารถที่จะหาภาพประกอบที่ตรงกับคอนเทนต์ที่ทำได้จึงเป็น ต้องซื้อภาพจากStock Photo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายภาพบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้อาชีพนี้เป็นอีกอาชีพนึงที่มาแรงและAIยังไม่สามารถทดแทนได้

8.งานช่างบริการที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ
รู้หรือไม่ว่างานบริการที่ต้องใช้ทักษะประสบการณ์ในการวิเคราะห์ ซ่อมแซม  เช่น งานช่างต่างๆ ซึ่งงานเหล่านี้ไม่มีทางที่AIจะเข้ามาทดแทนได้ ด้วยข้อจำกัดของAIที่ยังไม่สามารถทำงานที่ซับซ้อนแบบมนุษย์ได้นั่นเอง
 

9.เขียนนิยายขาย
การเขียนนิยายขายเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถหาเงินได้จริงในยุคปัจจุบัน  ด้วยกระแสอีบุ๊คที่มาแรงส่งผลให้คนรุ่นใหม่นิยมอ่านนิยายบนโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวแฟนตาซี รักวัยรุ่น หรือY ก็ล้วนแล้วแต่มีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น ยิ่งถ้าคุณแต่งออกมาได้สนุกให้คนอ่านอินไปกับเรื่องราวที่คุณจินตนาการขึ้นมาได้ก็จะเกิดยอดผู้อ่านจำนวนมากซึ่งรายได้ก็ตามมาอย่างแน่นอน  รู้หรือไม่ว่ามีนักเขียนหลายคนที่สามารถสร้างรายได้หลักหมื่นถึงหลักแสนบาทต่อเดือนเพียงด้วยการเขียนนิยายบนโลกออนไลน์ อย่างแพลตฟอร์มของ Ookbee หรือ Joylada ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักเขียนนิยายส่งบทความเข้าไปเพื่อสร้างรายได้ด้วยเช่นกัน
 

10.ทำเว็บไซต์

รับจ้างทำเว็บไซต์ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างเงินล้านได้ในยุคนี้ แถมมีรายได้แบบPassive Incomeจากการให้เช่าพื้นที่เว็บรายปี หรือจะขายพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ก็ได้เช่นกัน  อาชีพนี้เป็นอาชีพที่เติบโตดีมาก เพราะปัจจุบันระบบAIยังไม่สามารถเขียนเว็บไซต์ที่ซับซ้อนแบบมืออาชีพได้

สร้างความประหลาดใจให้นักลงทุนและสื่อทุกสำนักกันเลยทีเดียว  เมื่อมิสยูนิเวิร์สได้เปลี่ยนเจ้าของจากอเมริกามาเป็นคนไทย โดยมี แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ นักธุรกิจหญิงข้ามเพศหมื่นล้าน  ที่พร้อมด้วยความสามารถและความตั้งใจอย่างเต็มที่ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการมิสยูนิเวิร์สของJKNในครั้งนี้ก็สร้างความ เซอร์ไพรส์ให้กับใครหลายคน เพราะยุคหลังมานี้การประกวดนางงามมักจะได้รับความนิยมอยู่ไม่กี่ประเทศเท่านั้น อ้างอิง จากคำพูดของ คุณ ณวัฒน์อิสรไกรศีล เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ ซึ่งเป็นธุรกิจแนวเดียวกันยังเคยพูดว่าช่วงแรกที่ตนทำนางงามกว่าจะมีกำไรก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมต้องมีทั้งใจรัก ทุ่มทุนสร้างโปรดักชั่น ไหนจะต้องมีทั้งการขายสินค้าและทำธุรกิจสื่อบันเทิงเข้ามาผสมโรงด้วย จึงจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้

แต่ทันทีที่ดีลการซื้อขายจบลงทาง แอน จักรพงษ์ แห่ง JKNก็ออกมาชี้แจงถึงความคุ้มค่าและดีลพิเศษ ที่ทำให้เซียนในวงการธุรกิจหลายคน ซูฮกและยกนิ้วในความเก่งของเธอกันเลยทีเดียว  แบ่งเป็น 2 ข้อดังนี้
1. แอนจักรพงษ์ได้ต่อรองราคามิสยูนิเวิร์สจาก 40ล้าน USD ลงมาเหลือ20 ล้าน USD

2. การพ่วงซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์กีฬาจากบริษัท Endeaver(เอนเดฟเวอร์)ซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้นสังกัดของเวทีมิสยูนิเวิร์สนั่นเอง

ดังนั้นดีลพิเศษแบบนี้จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของ แอน จักรพงษ์ ที่ดีที่สุดดีลนึงเลยก็ว่าได้   เพราะนอกจากเธอจะได้ลิขสิทธิ์มิสยูนิเวิร์สมาแบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วเธอยังได้ลิขสิทธิ์รายการกีฬาจากบริษัทแม่ของมิสยูนิเวิร์มาติดพ่วงมาขายทำกำไรแบบมหาศาลอีกด้วย

 สำหรับคนที่สงสัย วามิสยูนิเวิร์สเกี่ยวข้องอะไรกับกีฬาแผนผังมันจะเป็นอย่างนี้นะครับ มิสยูนิเวิร์สนั้นเป็นของบริษัทไอเอ็มจี แต่บริษัทไอเอ็มจีนั้นเป็นบริษัทลูกของบริษัทเอฟเวอร์ ซึ่งบริษัทนี้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันกีฬาไม่ว่าจะเป็นมวยยูเอฟซี เอ็มเอ็มเอ การแข่งขันกอล์ฟ เรือใบ ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดแข่งขันรายการกีฬารายใหญ่ของประเทศอเมริกาเลยทีเดียวครับ

ในที่สุด แอนจักรพงษ์ ก็เจรจาซื้อขายดีลระดับโลกครั้งนี้จบลงด้วยราคา 20 ล้าน USD แบ่งเป็น มิสยูนิเวิร์ส 14 ล้าน (จ่ายสด)และ ลิขสิทธิ์กีฬาอีก 6 ล้าน(ผ่อน 3 ปี) ซึ่งแน่นอนว่าไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ลิขสิทธิ์คอนเทนต์กีฬา ซึ่งคาดว่าแอนจักรพงษ์นั้นคงทำกำไรได้มหาศาลจากคอนเทนต์กีฬาที่ซื้อพวงพร้อมกับมิสยูนิเวิร์สนั่นเอง ถ้าแบบนี้ใครไม่คุ้ม แต่แอน จักรพงษ์ คุ้มมากแน่นอน ซึ่งนี่ถือเป็นการตัดสินใจที่แสดงถึง วิสัยทัศน์นักธุรกิจหมื่นล้านชนิดว่า หลายคนซูฮกในความฉลาดของเธอนั่นเอง 

สำหรับข่าวก่อนหน้านี้ในปี2020แอนจักรพงษ์เคยพูดครั้งหนึ่งว่าสนใจจะซื้อมิสยูนิเวิร์สแต่ครั้งนั้นสื่อเองและนักลงทุนมองว่าแอนน่าจะแซวเล่นซะมากกว่า บวกกับแอนก็เคยมีประเด็นเรื่องแคททรีโอนาเกรย์  มิสยูนิเวิร์สคนดัง2018 (ก่อนที่จะเคลียร์และมาร่วมงานกันได้อีกครั้ง) ทำให้ประเด็นที่จะซื้อมิสยูนิเวิร์สของแอนนั้นหลายคนมองว่าไม่น่าเกิดขึ้นได้  จนล่าสุดเกิดข่าวลือว่า มิสยูนิเวิร์สนั้นประกาศขายกิจการโดยมีคนไทยเข้าซื้อ ซึ่งช่วงนั้นสื่อเองก็สับสนระหว่างมาดามแป้งนวลพรรณ กับแอน จักรพงษ์ JKN เพราะไม่มีฝ่ายไหนออกมาคอนเฟิร์มเลย จนกระทั่งปลายเดือนตุลาคม2022 แอนจักรพงษ์ก็ได้ออกมาประกาศเองว่า ได้เข้าซื้อกิจการมิสยูนิเวิร์สแบบ100% ซึ่งก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยจำนวนมากทีเดียวครับ

@finexworldofficial #jknซื้อมิสยูนิเวิร์ส #แอนจักรพงษ์ #ใครไม่คุ้มแอนคุ้ม #digitallava #ดิจิตอลลาวา #jkn #นางงาม ♬ Epic Music(907857) - Pavel

หวังฉวนฟู (Wang Chuanfuu) คือมหาเศรษฐีชาวจีนเจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า BYD ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตเร็วมากเมื่อเทียบกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่น ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าBYDมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 9แสนคันในปี 2022 ในขณะที่เจ้าตลาดอย่างTeslaมียอดขายอยู่ที่ 1.3 ล้านคันทั่วโลก เรียกได้ว่ายอดขายBYDแทบจะขึ้นมาหายใจลดต้นคอTeslaกันเลยทีเดียว และที่สำคัญประวัติของผู้ชายที่ชื่อหวังฉวนฟู(เจ้าของแบรนด์BYD)จัดว่าไม่ธรรมดา เพราะเขาคนที่ขยันอีกทั้งยังฉลาดหลักแหลมไม่น้อยกว่า อีรอน มัสก์ (เจ้าของTesla)อีกด้วย

ประวัติของ หวังฉวนฟู

ชื่อ : Wang Chuanfuu (หวังฉวนฟู)

ทรัพย์สินโดยประมาณ : 20.4 B (Bคือหน่วยพันล้านเหรียญ)

สถานที่เกิด: Wuwei ประเทศจีน

ช่วงชีวิตวัยเด็ก : คุณหวังฉวนฟูเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจนมาก จนกระทั่งเขาอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นก็ต้องพบการสูญครั้งใหญ่คือเสียพ่อและแม่ไปพร้อมกัน ทำให้ชีวิตเขาลำบากขึ้นกว่าเดิมมาก  แต่ด้วยความฉลาดและขยันของเขาทำให้หวังฉวนฟูได้รับทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญซึ่งก็เป็นเพื่อนบ้านของเขานั่นเอง โดยอุปนิสัยของหวังฉวนฟูนั้นเป็นคนฉลาดและให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเขาก็ได้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในปี 1987 สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัย Central South University, และต่อมาในปี 1990 เขาก็สำเร็จการศึกษาปริญญาโทจากสถาบัน Beijing Non-Ferrous Research Institute 

จุดเริ่มต้นแบรนด์BYD : หลังจากที่หวังฉวนฟูทำงานในองค์กรของรัฐบาลจีนได้5ปี เขาก็ตัดสินใจลาออกเพื่อมาก่อตั้งบริษัท Shenzhen BYD Battery Company ในปี 1995 ในช่วงแรกบริษัทแห่งนี้ดำเนินธุรกิจผลิตและพัฒนาแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์จนต่อมาBYDก็มารับผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า EVแทน จนกระทั่งล่าสุดได้BYDก็ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าEVเป็นของตัวเอง (ซึ่ง BYD ย่อมาจากคำว่า Build Your Dream สร้างฝันของคุณเอง)

ทั่วโลกจับตา แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า BYD คาดว่าน่าจะเป็นแบรนด์เดียวที่มีโอกาสชนะTeslaในอนาคต

เนื่องจากความพร้อมด้านเทคโนโลยีของBYDนั้นอยู่ในระดับสูงมากซึ่งก็ใกล้เคียงกับแบรนด์รถEVของTeslaที่เป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุนอีกทั้งได้รับการได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและเอกชนในจีนทำให้BYDสามารถทำราคาขายเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้าEVได้ถูกกว่าเทสล่าอยู่มากพอตัว จึงให้เป็นจุดได้เปรียบกว่าคู่แข่ง โดยเหล่านักวิเคราะห์ทั่วโลกคาดการณ์ไว้ว่าBYDอาจมีแนวโน้มขึ้นแท่นเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ 

ราคาขายของรถยนต์ BYD

-BYD Dolphin 799,999 บาท

-BYD Seal 1,500,000 -1.790,000 บาท

-BYD Atto3 ราคา 1,199,900 บาท

ราคาขายรถยนต์Tesla รุ่นModel3

-Performance 2,150,000 บาท

-Long Range 1,890,000 บาท

-Standard  1,590,000 บาท

สรุป
เชื่อว่าหวังฉวนฟูนั้นฉลาดและอ่านเกมส์ออกว่าทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้าEVมีแนวโน้มว่าจะเติมโตแบบ 100% แน่นอน  เนื่องจากตอนนี้พลังงานเชื้อเพลิงไม่ใช่คำตอบของรถยนต์ยุคใหม่อีกต่อไป รวมถึงความต้องการของตลาดปัจจุบันก็ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมาทดแทนรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะประหยัด ยืดหยุ่น และออฟชั่นที่หลากหลายกว่านั่นเอง

สำหรับผู้บริโภคอย่างเราคงต้องจับตาดูกันอีกทีว่าอุตสหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกนอกจากTesla กับ BYDแล้วจะมีแบรนด์ไหนบ้างที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์กับความต้องการของมนุษย์โลกได้บ้าง ซึ่งเชื่อว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้กำลังเริ่มต้นและยังพัฒนาไปได้มากกว่านี้อย่างแน่นอนครับ
 

เวียดนาม เป็นประเทศที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจสูงมากประเทศนึงในอาเซียน มีทั้งการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว แถมยังได้เปรียบกว่าไทยทั้งในแง่ของประชากรมากถึง 97.47 ล้านคน  ,พรมแดนติดประเทศจีน, แถมค่าแรงคนงานเวียดนามนั้นถูกกว่าบ้านเราเยอะมาก และที่สำคัญเวียดนามยังเก่งเรื่องนโยบายดึงชาวต่างชาติมาลงทุนทำธุรกิจในประเทศด้วยนโยบายสิทธิพิเศษทางด้านภาษีให้กับนักลงทุนต่างชาติ (บางธุรกิจก็ไม่ต้องเสียภาษีเลยด้วยซ้ำครับ)  ส่งผลให้ในหลายปีที่ผ่านมาเวียดนามสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้อย่างมากมายมหาศาล บางปีต่างชาติลงทุนในเวียดนามสูงกว่าไทยด้วยซ้ำ เชื่อว่าในอนาคตคงทำยอดได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า

จากข้อมูลFDI(Foreign direct investment) จาก WorldBank  กราฟเส้นสีฟ้าคือเวียดนาม บ่งบอกชัดเจนว่าเวียดนามดึงชาวต่างชาติมาลงทุนได้สูงต่อเนื่องติดต่อกันหลายปีแล้ว รวมเป็นเงินหลายหมื่นล้านUSD (มากกว่าล้านล้านบาทไทย)

มาดู 3 ปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจสูง (ไม่แน่ว่าอาจเป็นผู้นำเศรษฐกิจคนใหม่อาเซียนภายใน10ปี)

ความได้เปรียบที่ 1 พื้นที่เวียดนามติดประเทศจีน 

แน่นอนว่าประเทศเวียดนามนั้น ถึงแม้จะไม่ถูกกับจีนแต่ก็ได้ชื่อว่ามีพื้นที่พรมแดนประเทศติดกัน ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาประเทศจีนกับอเมริกานั้นมีปัญหาเรื่องการกีดกันทางการค้าอย่างหนัก ส่งผลให้กระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศอย่างมหาศาลเพราะต้องเสียภาษีนำเข้าและส่งออกที่สูงกว่าปกติ แน่นอนว่าผู้ประกอบการในจีนจำนวนมากก็แก้เกมส์ด้วยการพากันย้ายโรงงานผลิตมาที่เวียดนามซะเลย เพราะเวียดนามอยู่ใกล้กับประเทศจีนก็คงจะง่ายในการทำธุรกิจสำหรับชาวจีนด้วยกันนั่นเอง  (ได้เปรียบกว่าไทยอย่างชัดเจนมากข้อนี้)

ความได้เปรียบที่ 2 สิทธิพิเศษทางด้านภาษี

เวียดนามเสริมความเร้าใจเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติ  ด้วยการให้สิทธิพิเศษด้านการลดหย่อนภาษีนำเข้าและส่งออกสำหรับสินค้าบางประเภท  ยิ่งถ้าอยู่ในกลุ่มธุรกิจดิจิตอลหรือเทคโนโลยีด้วยแล้ว เวียดนามจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้ว่าAppleเองก็ได้บุกไปเปิดโรงงานที่เวียดนามเป็นที่เรียบร้อย   และไม่ใช่แค่แอปเปิ้ลเท่านั้นนะยังมีบริษัทอื่นๆจ่อเข้าคิวอีกเพียบ  จริงๆเรื่องภาษีของเวียดนามเป็นอะไรที่ว้าวมาก อย่างถ้าคุณไปตั้งโรงงานในเขตที่ทางการเวียดนามจัดไว้ให้ก็จะได้ลดหย่อนเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย

**เวียดนามสนับสนุนชาวต่างชาติให้ทำธุรกิจในประเทศอย่างเต็มกำลังซึ่งเป็นผลดี ซึ่งจุดนี้เป็นอะไรที่นักลงทุนต่างชาติชอบมาก**

ความได้เปรียบที่ 3 เวียดนามมีบริษัทสัญชาติเกาหลีมากกว่า 4000 บริษัท

เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทสัญชาติเกาหลีนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มธุรกิจด้านดิจิตอลหรือเทคโนโลยี ซึ่งธุรกิจพวกนี้เป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจใหญ่ๆระดับโลกทั้งนั้น และแน่นอนว่าการที่บริษัทสัญชาติเกาหลีนิยมไปเปิดโรงงานที่เวียดนามกันเยอะแทบทุกปีจนตอนนี้มีมากกว่า 4 พันบริษัทเข้าไปแล้ว ในอนาคคตย่อมส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิตอลและเทคโนโลยีของเวียดนามแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดทั้งยังดึงดูดบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามได้ง่ายขึ้นเป็นวงจรอัตโนมัติที่เกิดขึ้นได้เอง  ซึ่งเป็นผลดีต่อเวียดนามในอนาคตอย่างแน่อน

@finexworldofficial #ต่างชาติลงทุนเวียดนาม ##เวียดนามม้ามืด#ข#ข่าวเศรษฐกิจดิ#ดิจิตอลลาวาi#digitallavaโป#โปรเจ็คเวียดนาม ♬ Tutorial / Digital / Advanced / IT - MATSU

อเมริกาอ่วมหนักธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่เป็นลำดับ 16 ของสหรัฐอเมริกาล้มละลายเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับมาดูกันว่าใครได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้บ้าง

1.กลุ่มลูกค้า

ตอนนี้มีประกาศออกมาแล้วว่าลูกค้าที่ฝากเงินด้วยระบบค้ำประกันมีเพียง 15 % เท่านั้น แถมยังคุ้มครองเงินต้นไม่เกิน 250,000 usd เท่านั้นหมายความว่ายังมีลูกค้าอีกนจำนวนมากถึง85%ที่ฝากเงินกับธนาคาร SVB อาจจะไม่ได้เงินต้นคืนด้วยนั่นเอง

2.กลุ่มหุ้นธนาคารและหุ้นอสังหา

ล่าสุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างดัชนี นิเกอิ แจ้งแล้วว่าหล้ง ซิลิคอล วัลเลย์ แบ๊งค์ล้มละลาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นภาพรวมตกไป 311 จุดทันที มีผลให้หุ้นในกลุ่มธนาคารทั้งในญี่ปุ่น ทั่วโลก และในประเทศไทยร่วงกราวแทบทุกตัว ชนิดที่คนเล่นหุ้น ต้องร้องกรี๊ดเลยทีเดียว

3.เศรษฐกิจในอเมริกาค่าเงินผันผวน

ค่อนข้างเป็นที่กังวล สำหรับ อเมริกาว่าเหตุการณ์ล้มละลายของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ในครั้งนี้ จะส่งผลให้รัฐบาล อเมริกาพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์เพิ่มในระบบหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอเมริกาพิมพ์เงินดอลล่าร์ เข้าระบบเยอะมาก อีกทั้งเป็นการพิมพ์โดยไม่อ้างอิงกับทองคำค้ำ ส่งผลให้ค่าเงินของอเมริกาผันผวนและไม่แน่นอนจนเกิดความกังวลต่อนักลงทุนและมีโอกาสสูงว่าหากสถานการณ์เงินดอลล่าร์ยังเป็นอย่างนี้ มหาอำนาจโลกในอนาคตอาจจะเปลี่ยนขั้วไปเป็นประเทศใหญ่ฝั่งเอเชียอย่างจีนก็เป็นได้

 ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ก็วิกฤตหนักทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเริ่มไม่วางใจธนาคารพากันแห่ถอนเงินกันแทบจะเกลี้ยงแล้วนะครับส่งผลให้ธนาคาร หลายแห่ง ต้องทำการชี้แจงลูกค้าเพื่อไม่ให้ลูกค้าแห่กันถอนเงินโหมดธนาคารนั่นเองครับ

@finexworldofficial #ซิลิคอนวัลเลย์ #ธนาคารล้มละลาย ##SVBล้มใครเสียหายุด #d#digitallavaด#ดิจิตอลลาวา ♬ Digital, plucky trap beats(817440) - Masayan